พี่พิมเป็นรุ่นพี่ Working Holiday คนนึง ที่ตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่ New Zealand แบบยาวยาวววว (เติม ว แหวน ไปอีกหน่อย)
พี่พิมเองอยู่นานจนได้ Permanent Residency ของ New Zealand แล้ว และได้ทำงานเป็น Marketing Coordinator ของรร.แห่งหนึ่งใน Auckland และมีแง่มุมในการใช้ชีวิตน่าสนใจ ผมจึงขอสัมภาษณ์มาครับ :)
1) อาจจะย้อนอดีตกันนานหน่อย ก่อนจะมานิวพี่พิมเรียนอะไรมา? ทำงานอะไรมาบ้างครับ?
พี่เรียนจบระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการค่ะ ส่วนระดับมหาวิทยาลัยที่ มศว. วิชาเอกภาษาไทย
เมื่อเรียนจบแล้วก็ทำงานที่บริษัท AIS ตาแหน่ง Customer service ประมาณ 2 ปี จากนั้นก็มีผู้ใหญ่จาก Orange ติดต่อทาบทามให้มาทางานที่ บริษัท Orange (ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น True Moveแล้ว)
ทำงานในแผนก Roaming Service ค่ะ
2) งานฟังดูดีอยู่แล้ว ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจเดินทางไปนิวซีแลนด์ครับ
ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้เบื่องานที่ True move เลย และเป็นคนที่ไม่เปลี่ยนงานบ่อย ตั้งแต่เรียนจบทางานแค่ 2 บริษัทและอยู่ค่อนข้างนาน
มีสัมพันธภาพที่ดีกับทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน แต่จะที่ถึงจุดๆเปลี่ยนคือสังคมในกรุงเทพมากกว่าที่รู้สึกว่ามัน dry มาก
ทุกอย่างเป็นกระแสสังคมและ routine โดยฉพาะมนุษย์เงินเดือนและคนทางานออฟฟิศ ,การแข่งขันสูง นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจมานิวซีแลนด์
และต้องบอกเพิ่มเติมว่าพี่ได้เคยเดินทางไปเที่ยวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มาแล้วทั้งกับเพื่อนๆและครอบครัว แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตและ Settle down ที่นิวซีแลนด์อย่างถาวรเลย
3) มาแรกๆ ชีวิตแตกต่างกับที่ไทยเยอะมั้ยครับ? และเลือกอยู่เมืองอะไรเพราะอะไรครับ?
(หัวเราะ) คงไม่ต้องบอกว่าแตกต่างจากเมืองไทยมากไหม เพราะมันต่างกันหมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมเลยสักอย่าง แม้แต่ตัวเราเอง นิสัย, พฤติกรรม ,ความสามารถที่เราคุ้นเคยกับตัวเองเป็นอย่างดีทุกอย่างเปลี่ยนหมดค่ะ
มันทำให้ชีวิตเรามีสีสันมากๆจริงๆ ครั้งแรกพี่เลือกมาอยู่เมือง Auckland ค่ะ
4) เล่าให้น้องๆฟังหน่อยนะครับว่าพี่พิมทำอะไรมาบ้างที่ Auckland ?
จริงๆ ทำการบ้านมาเยอะเหมือนกันโดยศึกษาข้อมูลในแต่ละเมืองว่าโอกาสที่จะทางานและค่าครองชีพ เปรียบเทียบโดยเฉลี่ย ทั้งนี้ต้องดูศักยภาพและ abilityของตัวเองด้วยว่าไหวไหม
พี่พยายามเลือกทำงานกับคนไทยให้น้อยที่สุดเพื่อให้ได้ฝึกภาษาในด้าน practical ให้ได้มากที่สุด
งานที่ทำจะ variety มากเช่น งานร้านดอกไม้โดยจะรับส่งดอกไม้เพื่อนไปฝากขายไว้ที่ supermarket
เป็นงานที่ต้องทำฉพาะตอนเช้าตรู่ early bird เงินดีค่ะ แต่ได้ชั่วโมงน้อย , ร้านอาหาร, งาน catering , โรงงงานทำ sandwich ส่งตามโรงแรมใหญ่ๆ หรือส่ง Café ต่างๆ
เมื่อเริ่มปรับตัวได้ รู้ถนนหนทางและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นก็เริ่มมาสมัครงาน office และได้ทางาน office เช่น Travel agent , Western Union ตาแหน่ง Thai Community support , Thai consultant บริษัท Immigration service consultant เป็นต้น
ส่วนงานที่ทำในปัจจุบันคือ Student Counselor และ marketing coordinator รับผิดชอบ Southeast Asia market ค่ะ
5) หลังจากหมด WHS แล้วอะไรเป็นปัจจัยหลักให้เราตัดสินใจอยู่นิวซีแลนด์ต่อครับ?
ถ้าตอบแบบไม่คิดเลยคือ ติดลม ไม่มีปัจจัยอะไรมากมาย ไม่ได้ติด contract หรือสัญญาผูกมัดใดๆกับงานหรือมีแฟน ทั้งหมดเป็นเรื่องของ the matter of time
พี่รู้สึกว่าเวลา 1 ปีไม่พอที่เราจะปรับตัวและ settle down ในต่างประเทศ ต้องใช้เวลา 6-7 เดือนแรกที่จะเริ่มรู้สึกว่าปรับตัวได้
และพอปรับจนชีวิตเริ่มลงตัวแล้ววีซ่าหมดก็ต้องกลับเมืองไทย พอกลับไปก็ต้องไปเริ่มต้นใหม่ และ catch up กับสังคมที่เมืองไทยอีก จึงเป็นมูลเหตุจูงใจหลักที่ทาให้อยู่ต่อ
6) ต่างกันเยอะมั้ยครับ สาหรับตอนที่อยู่ด้วย WHS และ หลังจากต่อวีซ่านักเรียนที่ New Zealand?
ถ้าต่างกันก็น่าจะเป็นเรื่องสังคมและกลุ่มเพื่อนมากกว่าค่ะ พี่เลือกต่อวีซ่านักเรียนในระดับ
Diploma สาขาบริหารธุรกิจ ใช้เวลาเรียน 1 ปี กลุ่มเพื่อนและสังคมของคนทางาน full time
กับสังคมของนักเรียน ที่มี visa ทางานแบบ part time ก็จะต่างกันอยู่แล้ว ทั้งการใช้ชีวิต,
ค่านิยมการใช้เงิน และทัศนคติ แต่ในระหว่างนั้นพี่ทำงาน part time ให้บริษัท Western
Union ด้วยนะคะ เพราะ contract ยังไม่หมด
7) งานที่ทำหลังจากได้ PR เป็น Marketing ให้รร.นึงใน Auckland เล่าเกี่ยวกับงานให้ฟัง
ได้มั้ยครับ
งานประจำที่พี่ทำอยู่นั้นทำมานานก่อนที่จะได้เป็นพลเมือง (PR) และเป็นงานที่ทำให้เรารัก
และ enjoy กับมันมากค่ะ หน้าที่รับผิดชอบหลักของตาแหน่งงานจะแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1. ดูแลเกี่ยวกับ Student welfare, home stay issue ดูแลความเป็นอยู่ของนักเรียนทุก
อย่าง เรียกได้ว่าจิปาถะ แม้แต่ต้องเป็นศิราณีให้น้องๆตอบปัญหาเรื่องหัวใจก็ยังมีค่ะ555
2. Dealing กับสานักงานตรวจคนเข้าเมืองนิวซีแลนด์ หรือเรียกสั้นๆว่า INZ ต้องคอย
อัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงหรือ policy ต่างๆของ INZ อย่างสม่าเสมอ, เรียนรู้
ที่จะรับมือกับการเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นวีซ่าให้กับนักเรียนซึ่งแต่ละคนมี background
ต่างๆกันก็ต้องคอยปรับการเตรียมเอกสารให้สอดคล้องกับประวัติของน้องแต่ละคน
นอกจากนั้นก็จะมีอีกหน่วยงานที่เราต้องคอยอัพเดทข้อมูลอย่างสม่าเสมออคือ ENZ หรือ
Education New Zealand เพราะเป็นหน่วยงานสาคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนเกี่ยวกับ
การศึกษาของนักเรียนต่างชาติที่จะมาเรียนในนิวซีแลนด์ค่ะ
3. ส่วน Role สุดท้ายคืองาน marketing ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่งาน sale งาน
marketing เป็น role งานที่ท้าทายมากในความคิดของพี่ คือฉลาดอย่างเดียวไม่พอต้อง
Right timing ด้วย เป็นเรื่องของจังหวะและโอกาส แต่ก็เหนื่อยตรงที่ต้องเดินทางมาทา
การตลาดปีละ 2-3 ครั้งค่ะ
จริงๆมีอีกหลายคำถามที่ผมทราบว่าหลายๆคนอยากรู้ แต่ช่วงนี้พี่พิมยุ่งมากกับงาน และพี่พิมเองจะมางาน Working Holiday & Education Exhbition 2013 ด้วยครับ
ใครสนใจไปฟังประสบการณ์เพิ่มเติมก็ลงทะเบียนที่นี่ได้เลยครับ :)
http://thaiwahclub.com/news/115/Working-Holiday-amp-Education-Exhibition-2013/